Saturday, August 1, 2009
องค์กรอิสลามตำหนิการนำศาสนามาเกี่ยวการเมือง
http://www.prachataiwebboard.com/webboard/wbtopic2.php?id=796854
โพสต์โดย : **โจรสลัด**
3 องค์กรอิสลามตำหนิ นาย สมัย เจริญช่าง
สำนักข่าวไทย รายงานว่า.-
คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย สภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย
และสมาคมสื่อมวลชนมุสลิม ปฏิเสธร่วมทำหนังสือถึงเจ้าผู้ครองรัฐดูไบให้ขับ พ.ต.ท.
ทักษิณ ชินวัตร ออกจากดูไบ ตำหนิ “สมัย เจริญช่าง” ทำไม่ถูกต้อง อ้างชื่อโดยไม่ชอบธรรม
นายสามารถ ทรัพย์พจน์
นายสามารถ ทรัพย์พจน์ ในนามของคณะผู้บริหารองค์กร สำนักงานเลขาธิการคณะ
กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย สภาองค์การมุสลิมแห่งประเทศไทย และสมาคม
สื่อมวลชนมุสลิม ทำหนังสือชี้แจงกรณีที่นายสมัย เจริญช่าง ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์
ระบุว่า องค์กรสถาบันมุสลิมในประเทศไทยยื่นหนังสือถึงสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับ
เอมิเรตส์ เพื่อให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ เจ้าผู้ครองรัฐดูไบ ให้ใช้พระราชอำนาจขับไล่ พ.ต.ท.
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้พ้นจากการพำนักอาศัยในราชอาณาจักรสหรัฐ
อาหรับเอมิเรตส์
หนังสือดังกล่าวระบุว่า คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย สภาองค์การมุสลิม
แห่งประเทศไทย และสมาคมสื่อมวลชนมุสลิม ซึ่งมีชื่ออยู่ในองค์กรสถาบันมุสลิมในประเทศ
ไทยที่นายสมัยอ้างถึง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยื่นหนังสือดังกล่าว และไม่ได้มีมติให้
ความเห็นชอบในการร่วมร้องเรียนเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะไม่ต้องการให้องค์กรเข้าไปยุ่ง
เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมือง
“องค์กรทั้ง 3 มีเป้าประสงค์ในการสร้างความเข้าใจเรื่องศาสนา สังคม การสงเคราะห์ผู้ยากไร้
และส่งเสริมวิถีชีวิตมุสลิม การที่นายสมัยเอาชื่อของทั้ง 3 องค์กร เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
จึงไม่ถูกต้อง เป็นการอ้างชื่อโดยไม่ชอบธรรม และการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการสร้าง
ความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในองค์กร และสังคมมุสลิมอีกส่วนหนึ่งด้วย”
หนังสือดังกล่าวระบุด้วยว่า การที่มีกลุ่มคนยิงปืนเข้ามัสยิดดารุ้ลอะมาน ซ.เพชรบุรี 7
ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะมัสยิดเป็นศาสนสถานที่สำคัญของชาวไทยมุสลิม แต่
เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ดังนั้น ขอให้ทุกคนปฏิบัติ
หน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อความถูกต้องและผลประโยชน์สูงสุดของบ้านเมือง โดยไม่สร้าง
ความขัดแย้งในองค์กร อันเป็นพื้นฐานแรกของการสร้างความสามัคคี
“ผู้บริหารทั้ง 3 องค์กร ยังเชื่อมั่นว่าสันติภาพบนพื้นฐานแห่งความถูกต้อง
และความเข้าใจที่ดีต่อกันของทุกฝ่าย ยังพร้อมที่จะเกิดขึ้นในแผ่นดินไทย
และนั่นคือความต้องการของพี่น้องคนไทยทุกคน” .- สำนักข่าวมุสลิมไทย
--------
ดร.บูฆอรี ยีหมะ
ประธานคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา
กล่าวกับสำนักข่าวมุสลิมไทยว่า...
“ผมไม่อยากให้นักการเมือง นำเอาศาสนาอิสลามอันบริสุทธิ์ ไปเชื่อมโยงกับการ
ต่อสู้ทางการเมือง ศาสนานี่ควรจะเป็นเครื่องมือสร้างความสมานฉันท์ให้กับคนในสังคม
โดยเฉพาะในพื้นที่แถวมัสยิดพญาไทนั้น หลายคนที่เคยอยู่บริเวณนั้นก็คงจะรู้ว่า
พื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ของนางนาตยา เบญจศิริวรรณ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์
ญาติๆ ของคุณนาตยาก็อยู่แถวนั้น เพราะฉะนั้น ผมจึงเห็นว่าการเอามวลชนของ
ตนเองมาใช้ทำลายฝ่ายตรงข้าม โดยใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือนี่เป็นเรื่องที่ไม่สมควร
เป็นอย่างยิ่ง ” และว่า
“ถ้าใครได้ติดตามสถานการณ์ หรือข่าวก่อนหน้านี้ก็จะเห็นว่ากลุ่มเสื้อแดงนี่
ก็มีมุสลิมมาร่วมชุมนุมจำนวนไม่น้อย ขนาดที่ว่ามีการหุ้งข้าวมีการทำโรงอาหารฮาลาล
แยกต่างหาก แยกครัวที่ชัดเจนเพื่อรองรับพี่น้องมุสลิมที่มาร่วมชุมนุม และบางครั้งมุสลิม
หลายคนก็ได้มาอาศัยมัสยิดดังกล่าว(ดารุ้ลอามาน) เป็นที่ละหมาด ในเวลาที่พวกเขาออกมา
จากที่ชุมนุมฯ แต่บังเอิญพี่น้องมุสลิมที่มาจากต่างจังหวัด ไม่รู้ว่ามัสยิดและกิ่งเพชรแห่งนี้
เป็นอิทธิพลของพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรฯ หรือกลุ่มเสื้อเหลือง
จึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา”
ดร.บูฆอรี กล่าวต่อว่า...
“ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ในช่วงก่อนสงกรานต์นี่ ก็มีมุสลิมที่เป็นเสื้อแดงหลายคน
ไปละหมาดที่นั่น แต่มีมุสลิมเสื้อแดงคนหนึ่งหลังจากออกมาจากมัสยิด ก็ถูกตีหัวและโดน
ทุบที่แขนหลังจากออกมาจากมัสยิด เราจะสังเกตเห็นได้ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ ก็ไม่เห็นมี
อิหม่ามหรือคนในชุมชน จะเป็นทุกข์เป็นร้อนที่มุสลิมคนหนึ่งโดนตีหัวเมื่อเขาออกมาจาก
มัสยิด หรือว่าเป็นเพราะเขาสวมเสื้อแดง เป็นพวกที่เห็นด้วยกับการชุมนุมของ นปช.
เขาจึงต้องถูกตีหัวฟรี หลังจากที่เขาได้ไปกราบไหว้พระผู้เป็นเจ้าในบ้านของพระองค์ เมื่อเขา
ออกมาเข้าก็ถูกทำร้าย แค่เพียงเขามีแนวคิดทางการเมืองที่ไม่เหมือนกับคนในซอย ทำให้
เขาถูกทำร้าย ทำไมมุสลิมจึงปฏิบัติต่อกันอย่างสองมาตรฐานเช่นนี้” ดร.บูฆอรี กล่าว
ดร.บูฆอรี กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า...
“ในสถานการณ์ที่มีผู้คนในสังคมแบ่งแยกกันเป็นฝักเป็นฝ่ายนี่
การนำเอาศาสนามาเชื่อมโยงกับการเมืองนี่ ผมเห็นว่าเป็นผลลบต่อศาสนามากกว่าที่จะเป็น
ผลบวก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนี่ มันจะทำให้คนมุสลิมที่เป็นเสื้อแดงนี่และคนทั่วไปจะเกิดความ
เข้าใจผิดต่ออิสลาม อีกอย่างหนึ่งผมอยากจะเรียกร้องให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมมุสลิมนี่ ช่วย
ออกมาพิสูจน์ความจริงให้กระจ่างว่า ต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดมันมีที่มาอย่างไร
เป็นไปไม่ได้ที่อยู่ๆ กลุ่มมุสลิมสีแดงจะไปยิงมัสยิดหรือทำลายป้ายมัสยิด
เพราะการปล่อยให้เหตุการณ์บานปลายเช่นนี้ เพราะมุสลิมไม่ได้มีอยู่แค่ในกรุงเทพฯ หรือใน
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น ที่เชียงใหม่ เชียงราย ที่อุบล อุดร หนองคาย ขอนแก่น สุรินทร์
ศรีสะเกษก็มีมุสลิม เพราะฉะนั้นเราไม่ควรสร้างสถานการณ์ที่จะนำมาซึ่งความแตกแยกใน
สังคมโดยใช้อิสลามมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อรับใช้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือ
พรรคการเมืองใดพรรคการเมือง” - ดร.บูฆอรี กล่าวทิ้งท้าย
----
นายมุข สุไลมาน
กรรมาธิการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐสภา
สมาชิกพรรคมาตุภูมิ (ราษฎร์) อดีต ส.ส.ปัตตานี หลายสมัย
ได้เปิดเผยกับสำนักข่าวมุสลิมไทยว่า...
“ผมว่าเรื่องนี้มันมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง
เพราะเท่าที่รู้มาก็คือมุสลิมที่ใส่เสื้อสีแดงโดนตีหัวก่อน แล้วก็ไปเอาพวกมา
มันก็เลยเกิดการรุมสะกรัมกัน แล้วมาลากให้เป็นเรื่องของศาสนา
ผมว่าในระยะยาว มุสลิมเรานี่แหละจะเดือดร้อน ถ้าต่อไปเกิดมือที่สาม
ไปสร้างสถานการณ์อย่างนี้กับวัดที่ไหนสักแห่ง แล้วเกิดเป็นกรณีระหว่างพุทธกับมุสลิม
ถามว่าใครจะเดือดร้อน มุสลิมเรานี่แหละจะเดือดร้อน เราเป็นชนกลุ่มน้อยเราจะ
ทำกันยังไง วันนี้ยังต้องหลบๆ หลีกๆ เพราะคนที่ไม่ใช่มุสลิมเขาก็มองมุสลิมไม่ดีอยู่แล้ว
กับเหตุการณ์ในจังหวัดชายแดนปักษ์ใต้ เพราะฉะนั้นเมื่อมุสลิมกรุงเทพฯไปลากเอา
สถานการณ์ทางการเมืองมาเชื่อมโยงกับศาสนาเพิ่มไปอีกนี่ ในที่สุดเรามุสลิมเองนี่แหละ
จะเดือดร้อน ผมไม่สบายใจเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้” - และว่า
“แล้วก็ ที่ว่าคุณสมัย เจริญช่างก็ดี
คุณนาตยาก็ดี ฝ่ายประชาธิปัตย์ไปนั่งประชุมกันทำหนังสือไปถึง
สถานทูตอาหรับเอมิเรตต์ทำนองนี้ แล้วไปกล่าวหาอย่างนั้น
ผมว่ามันน่าจะเป็นลักษณะที่ว่า สร้างเงื่อนไขอะไร
เพื่อที่จะให้โลกอาหรับอื่นต่อต้านทักษิณนี่ ผมดูแล้วมันไม่เข้าท่า
ถ้าจริงก็ว่ากันไป ถ้าไม่จริงนี่เป็นฟิตนะห์หรือว่าใส่ร้ายนี่ ในความเป็นมุสลิมนี่
ผมว่ามันไม่ควรทำอย่างนั้น ก็เพราะทำอย่างนี้สิ สังคมมันถึงได้มีปัญหา เพราะคนเราชอบ
ใส่ร้ายใส่ความกัน ซึ่งมันไม่ถูกต้อง โดยส่วนตัวผมไม่ชอบไอ้การกระทำอย่างนี้
พอผมรู้ตื้นลึกหนาบางในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี่ผมรู้สึกไม่พอใจ ไม่สบายใจในเหตุการณ์ที่
เกิดขึ้นนี้มาก” นายมุขกล่าว
นายมุข ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า...
“เรื่องนี้ผมจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ เพราะได้มีการลากเอาศาสนามาเชื่อมโยงกับการเมือง
ผมไปกรุงเทพฯก็ต้องไปชี้แจงกับสถานทูตมุสลิมต่างๆ ไม่รู้ว่าท่านวันนอร์จะเห็นด้วยหรือไม่
แต่ผมคิดว่าผมต้องทำครับ ขณะนี้ผมกำลังกำลังเดินทางไปปัตตานี กลับไปกรุงเทพฯเมื่อไหร่คง
ต้องไปดำเนินการเรื่องนี้ครับ ปล่อยไว้ไม่ได้ ขืนปล่อยไว้สังคมมุสลิมต้องแตกแยกแน่ครับ”
นายมุขกล่าว
----
นายศิริศักดิ์ บินตรี สัปบุรุษ
มัสยิดบ้านครัวเหนือ กรุงเทพฯ
ได้แสดงความเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า...
“คุณสมัย เจริญช่าง และคุณนาตยา เบญจศิริกุล ตลอดจนคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพฯ
ด่วนสรุปเกินไปไหม...กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหตุการณ์เกิดขึ้นแค่เพียงไม่กี่ชั่วโมง ก็สามารถ
ร่างคำแถลงการณ์เป็นภาษาอาหรับ แปลเป็นภาษาไทย และมีการจัดแจกการแถลงข่าว
กล่าวหา...พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลัง ประณามว่าเป็นหัวหน้าขบวนการก่อการร้าย และทำลา
ยศาสนาอิสลาม ไม่ทราบว่าในการกระทำนี้มีวาระอะไรซ่อนเร้นบ้างหรือเปล่า
ตอนนี้มีคนหลายคนกำลังท้าทายนายสมัย ว่ากล้าเอาอัล-กุรอ่านมาสาบานไหม
ว่าทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้หวังผลทางการเมือง” และว่า
“ผมไม่สบายใจเลยหลังจากที่มีการแถลงข่าวลากเอาศาสนามาเชื่อมโยงกับการเมือง
ตอนนี้สังคมมุสลิมกำลังแตกแยกกันแล้วเพราะมีการกล่าวหาว่ากลุ่มเสื้อแดงไปทำลายบ้าน
ของพระผู้เป็นเจ้า ทั้งที่เรื่องจริง ซอยกิ่งเพชรนี่ เราที่ทำงานชุมชน เราก็รู้ดีว่าเป็นซอยของ
กลุ่มเสื้อเหลืองกลุ่มพันธมิตร เป็นเขตอิทธิพลของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
ของนางนาตยา เบญจศิริวรรณ
ทีนี้พอเสื้อแดงไปละหมาดที่นั่นก็โดนพวกเสื้อเหลืองในซอยตีหัว
มันเป็นเรื่องของการทะเลาะระหว่างสี ระหว่างกลุ่มมุสลิมสีแดง กับกลุ่มมุสลิมสีเหลือง
แล้วทำไมต้องเอาศาสนามาเกี่ยวข้องด้วย การที่พวกคุณตีหัวพี่น้องมุสลิมสีแดงที่ไป
ละหมาดที่สุเหร่า ทำไมคุณไม่พูดถึง อิสลามนี่มันมี 2 มาตรฐานด้วยหรือ” นายศิริศักดิ์ กล่าว
นายศิริศักดิ์ กล่าวต่อ...
“อยากจะถามนายสมัย เจริญช่าง ว่าคุณรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไร
คุณกำลังสร้างความเสียหายบนหน้าแผ่นดิน คุณได้สร้างการเผชิญหน้าระหว่างมุสลิมกับมุสลิม
คุณกล้าสาบานโดยยกเอาอัล-กุรอานมาทูนขึ้นบนหัวเปล่า ว่าสิ่งที่คุณทำนี่
มันทำขึ้นมาโดยความบริสุทธิ์ใจ
คุณจะเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ชอบประชาธิปัตย์ หลงใหลพรรคประชาธิปัตย์
มันก็เป็นสิทธิของคุณ แต่ขอเพียงอย่างเดียวอย่าได้ลากเอามวลมุสลิมและศาสนาอิสลาม
ไปเป็นเครื่องมือของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมันจะสร้างความแตกแยกให้กับสังคมมุสลิม
ตอนนี้สังคมมุสลิมกำลังแตกแยกแบ่งเป็นสองฝ่ายแล้ว คุณจะรับผิดชอบอย่างไร ในสิ่งที่คุณ
กระทำลงไป นายศิริศักดิ์ กล่าว - สำนักข่าวมุสลิมไทย