Saturday, August 1, 2009

กระชากหน้ากากราษฎรอาวุโส



คอลัมน์ เลือกคบไม่เลือกข้าง จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ วันสุข
ปีที่ 9 ฉบับที่ 2265 ประจำวัน ศุกร์ ที่ 11 เมษายน 2008

ศักดินาวิชาการ
บทความ : กาหลิบ

วันนี้จะขออุทิศเนื้อที่ของคอลัมน์นี้
แด่คุณธีรยุทธ บุญมี และศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี โดยเฉพาะ
เพราะความพยายามครอบงำความคิดของสังคม โดยบุคคลทั้งสองโดยใช้ “วิชาการ”
เป็นเครื่องมือ ชักจะมากเกินไปเสียแล้ว ความจริงคนอื่นๆ ก็มีครับ แต่ขอวิสัชนาไปตาม
ความแสบ คนทั้งสองกำลังผลัดกันแสดงความเห็น คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญกัน
อย่างเมามัน ชนิดลืมไปเลยว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่ยกร่างขึ้นมาในยุคเผด็จการ ในขณะที่
รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยที่สุดในประวัติศาสตร์ กลับถูกฉีกทิ้งไปอย่างหน้าตาเฉย

สถานการณ์อย่างนี้ ไม่ว่าใครก็ตามที่มีเซลล์สมองประชาธิปไตยอยู่บ้าง ก็ต้องออกมา
ต่อต้านการฉีกรัฐธรรมนูญนั้นก่อน ไม่ใช่นั่งเลือก ระหว่างเผด็จการชนิดถือปืนเขามาขู่
บังคับคนอื่น กับผู้นำทางการเมืองคนที่ตัวไม่ชอบ

เพราะการรัฐประหาร คือความสุดโต่งอย่างที่ชาวประชาธิปไตยยอมรับไม่ได้
เป็นอนันตริยกรรมของระบอบประชาธิปไตย ว่าอย่างนั้นเถิด เหตุผลใดๆ ก็ตามที่ยกขึ้น
มาอ้างว่า ห้ามแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเหตุผลคลาสสิกที่พูดต่อๆ กันราวผีเจาะปาก
ว่า สมาชิกพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย เสนอแก้ไข
รัฐธรรมนูญเพื่อ “ผลประโยชน์ส่วนตัว” ย่อมฟังไม่ขึ้นทั้งนั้น โจรมันเข้ามาฆ่าพ่อฆ่าแม่
จนดับดิ้นไปแล้ว ยังมีหน้ามาบอกให้ใจเย็นๆ ลองฟังเหตุผลของมันดูก่อนอีกหรือ

รัฐธรรมนูญเป็นแม่บทของระบอบประชาธิปไตย เพราะได้รวมเอาวิถีชีวิต จิตใจ
กระบวนการขั้นตอน วิธีปฏิบัติ ระบบ ระบอบ ฯลฯ ของทุกอย่างที่เป็นประชาธิปไตย
เอาไว้หมด เขาจึงถือกันในระดับสากลว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ขนาดประเทศที่ไม่ค่อย
รู้จักอะไร อย่างสหรัฐอเมริกาและคนอเมริกัน ก็ยังถือว่ารัฐธรรมนูญเป็นของศักดิ์สิทธิ์และ
มีฤทธิ์เดชมาก เมื่อมีคนย่องตอดเข้ามาแล้วเอาปืนจี้ กระชากรัฐธรรมนูญไปจากมือเรา
แล้วฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยต่อหน้าต่อตา จะให้นั่งรอต่อไป เพื่อการถกเถียงอภิปรายอีกหรือ
คนที่กระทำการเช่นนั้นควรถูกประหารชีวิตด้วยซ้ำไป

เราจึงเข้าใจได้ยากยิ่ง เมื่อคนที่แสดงตัวเป็นนักวิชาการ อย่างคุณธีรยุทธ และหมอประเวศ
มาพูดประหนึ่งว่า การฉีกรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องธรรมดา และคนที่กำลังเคลื่อนไหวเพื่อทำให้
รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยดุจเดิม ดูจะเป็นคนผิดหรือคนไม่ดี


ถ้าคนทั้งสองที่ว่ามานี้ เป็นปัญญาชนชั้นเลิศ คิดอะไรไม่มีผิด
คนส่วนใหญ่ในประเทศที่เขาไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ ก็คงจะเป็นคนเพี้ยน

แต่ถ้ามติมหาชนผิดไม่ได้ เพราะเป็นสาระอันแท้จริงของระบอบประชาธิปไตยแล้วละก็
คุณธีรยุทธ กับหมอประเวศ ก็คงเป็นพวกไม่เต็ม หรือไม่ ก็ขาดวุฒิภาวะทางประชาธิปไตย
โดยสิ้นเชิง ควรจะย้ายไปอยู่สถาบันเท่ๆ ในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการโน่น

คุณธีรยุทธนั้น เป็นผู้นำนักศึกษาที่โด่งดังมาจากเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ บินสูงมา
ตลอดชีวิต และบัดนี้ ก็ทำท่าว่าจะหาสนามบินร่อนลงไม่ได้ จากภูมิปัญญาปลาวาฬที่เคย
ลุ่มลึก บัดนี้กลายเป็นคนตีฝีปากไปวันๆ มีความใกล้ชิดอย่างยิ่งกับครอบครัวของคุณเกษม
จาติกวณิช หรือ “ซูเปอร์เค” ซึ่งครั้งหนึ่ง เคยเล่นบทบาทเชื่อมฟ้าประสานดิน เหมือนกับคุณ
อานันท์ ปันยารชุน เดี๋ยวนี้ เพราะเขาต้อง “จีบ” ให้อยู่ข้างเดียวกับระบอบอำมาตยาธิปไตย
ไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นจะเป็นอันตรายต่อเขา

ส่วนหมอประเวศ เป็นผู้อาวุโสในวงการพัฒนาที่มิใช่รัฐ และเป็นนักเรียนทุนอานันทมหิดล
แสดงความเห็นอย่างน่ารับฟังมาโดยตลอด จนกระทั่งมายืนอยู่ข้างเดียวกับคนที่ยึดบ้านยึดเมือง
แล้วเอาสติปัญญาที่มี ไปปรนเปรอเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับเขา คนไทยไม่น้อยเขาก็เลิก
ฟังหมอประเวศ อย่าถลำลึกไปถึงขนาดบอกว่า การฆ่าคุณทักษิณไม่ผิด หากทำให้ประเทศดีขึ้น
ก็อาจทำให้คนจำนวนหนึ่ง เขาอยากจะหันกลับมาฆ่าคนพูดแทนก็ได้ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ความเห็นที่ชอบธรรม ต้องมาจากภูมิหลังที่ไม่น่ารังเกียจด้วย

ใครคิดจะเชื่อคุณธีรยุทธ กับหมอประเวศ ก็ลองใคร่ครวญดูเถิดครับว่า
ที่แท้แล้วเขาสนับสนุนใคร และปกป้องใคร ไม่ใช่ประชาชนแน่